วันเสาร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2557

มาเที่ยวเกาะเชจูกันเถอะเจ้าคร้าาาา -0-

จังหวัดปกครองตนเองพิเศษเชจู

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Hangul, Hanja.pngบทความนี้อักษรเกาหลีปรากฏอยู่ คุณอาจเห็นเครื่องหมายคำถามหรือสัญลักษณ์อื่นแทนตัวอักษร หากคอมพิวเตอร์ของคุณไม่สามารถแสดงผลอักษรฮันกึลและอักษรฮันจาได้อย่างถูกต้อง
เชจูโด
제주도/濟州島
จังหวัดปกครองตนเองพิเศษ
จังหวัดปกครองตนเองพิเศษเชจู
  transcription(s)
 • ฮันกึน제주특별자치도
 • ฮันจา濟州特別自治道
 • ละตินเกาหลีJeju Teukbyeoljachi-do
Hallasan 2.jpg
ตราอย่างเป็นทางการของเชจูโด
ตรา
แผนที่ประเทศเกาหลีใต้โดยสีชมพูคือตำแหน่งที่ตั้งของเชจู
แผนที่ประเทศเกาหลีใต้โดยสีชมพูคือตำแหน่งที่ตั้งของเชจู
พิกัดภูมิศาสตร์: 33°22′N 126°32′E
ประเทศธงชาติของเกาหลีใต้ เกาหลีใต้
เขต
การปกครอง
 • ประเภทรัฐบาลนครพิเศษโซล
 • นายกเทศมนตรีWoo Keun-min
เนื้อที่
 • ทั้งหมด1,849 กม.2 (714 ตร.ไมล์)
ประชากร (2550)
 • ทั้งหมด531,905 คน
 • ความหนาแน่น287คน/กม.2 (740คน/ตร.ไมล์)
เมืองแฝด
 • ฮานอยธงชาติของเวียดนาม เวียดนาม
 • บาหลีธงชาติของอินโดนีเซีย อินโดนีเซีย
 • ซาฮาลินธงชาติของรัสเซีย รัสเซีย
 • โฮโนลูลูFlag of the United States สหรัฐอเมริกา
ดอกไม้Rhododendron
ต้นไม้Cinnamomum camphora
นกWoodpecker
เว็บไซต์jeju.go.kr (อังกฤษ)
เชจูโด
ชื่อท้องถิ่น: 제주도/濟州島
เกาะเชจู ,ประเทศเกาหลีใต้
เกาะเชจู ,ประเทศเกาหลีใต้
ภูมิศาสตร์
ที่ตั้งเอเชียตะวันออก
กลุ่มเกาะเชจู
จุดสูงสุดHallasan
การปกครอง
ธงชาติของเกาหลีใต้ เกาหลีใต้
การแบ่งเขตการปกครองของเกาหลีใต้เชจูโด
เมืองใหญ่สุดเชจู (408,364)
ประชากรศาสตร์
จำนวนประชากร565000
ชนพื้นเมืองชาวเกาหลี
เชจูโด หรือเกาะเชจู (อังกฤษJeju-doเกาหลี제주도/濟州島) ซึ่งอยู่ทางใต้ของจังหวัดจอลลาใต้เป็นหนึ่งในจังหวัดทั้ง 9 ประเทศเกาหลีใต้[ต้องการอ้างอิง]

ที่มาของชื่อ[แก้]

ชื่อของเชจูมีความเป็นมาหลายภาษา เช่น
  • Doi (도이, 島夷, literally "Island barbarian")
  • Dongyeongju (동영주, 東瀛州)
  • Juho (주호, 州胡)
  • Tammora (탐모라, 耽牟羅)
  • Seomna (섭라, 涉羅)
  • Tangna (탁라, 乇羅)
  • Tamna (탐라, 耽羅)

ภูมิอากาศ[แก้]

มีบรรยากาศโรแมนติคแบบประเทศในเขตร้อน โดยมีสี่ฤดูและอากาศอบอุ่นสบาย อุณหภูมิโดยเฉลี่ย 15 องศาเซลเซียส ตลอดทั้งปีและในฤดูร้อนอุณหภูมิโดยเฉลี่ยคือ 22-26 องศาเซลเซียส
[ซ่อน]ข้อมูลภูมิอากาศของJeju-si, Jeju-do (1981−2010)
เดือนม.ค.ก.พ.มี.ค.เม.ย.พ.ค.มิ.ย.ก.ค.ส.ค.ก.ย.ต.ค.พ.ย.ธ.ค.ทั้งปี
อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย °C (°F)8.3
(46.9)
9.4
(48.9)
12.8
(55)
17.5
(63.5)
21.6
(70.9)
24.8
(76.6)
29.0
(84.2)
29.8
(85.6)
25.8
(78.4)
21.3
(70.3)
16.0
(60.8)
11.0
(51.8)
18.9
(66)
อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย °C (°F)3.2
(37.8)
3.6
(38.5)
6.1
(43)
10.2
(50.4)
14.4
(57.9)
18.7
(65.7)
23.3
(73.9)
24.3
(75.7)
20.4
(68.7)
15.1
(59.2)
9.8
(49.6)
5.3
(41.5)
12.9
(55.2)
หยาดน้ำฟ้า มม (นิ้ว)65.2
(2.567)
62.6
(2.465)
88.6
(3.488)
89.6
(3.528)
96.4
(3.795)
181.4
(7.142)
239.9
(9.445)
262.5
(10.335)
221.6
(8.724)
80.3
(3.161)
61.9
(2.437)
47.7
(1.878)
1,497.6
(58.961)
ความชื้นร้อยละ65.364.964.966.570.476.878.376.573.766.965.165.169.6
วันที่มีหยาดน้ำฟ้าโดยเฉลี่ย (≥ 0.1 mm)12.610.311.210.010.411.812.513.510.87.09.310.8130.2
จำนวนชั่วโมงที่มีแดด70.4105.4158.9194.4211.9170.9195.6195.6161.7178.5126.084.81,854.1
แหล่งที่มา: Korea Meteorological Administration[1]



การแบ่งเขตการปกครอง[แก้]

แผนที่ลำดับที่ชื่อฮันกึนฮันจาจำนวนประชากร (2010)
Jeju Municipal.svg
— เมือง —
1เชจู제주濟州401,192
2Seogwipo서귀포西歸浦130,713

อื่นๆ[แก้]

ประวัติผู้แต่งโดราเอมอน -w-

ฮิโรชิ ฟูจิโมโตะ
โมโตโอะ อาบิโกะ

ประวัติ

  ฟูจิโอะ ฟูจิโกะ เจ้าของผลงานดังอย่าง โดราเอม่อน ปาร์แมน นินจาฮาโตริ ผีน้อยคิวทาโร่ และเรื่องอื่นๆที่เป็นที่รู้จักกันในบ้านเรานั้น จริงๆแล้วเป็นนามปากกาของศิลปิน2ท่าน นั้นคือ ฮิโรชิ ฟูจิโมโตะ(ผู้แต่ง) และ
โมโตโอะ อาบิโกะ(ผู้วาด)

   ฟูจิโมโตะ เกิดวันที่ 1 ธ.ค. ค.ศ.1933 ที่ เมืองทาคาโอกะ จังหวัดโทยาม่า ส่วน อาบิโกะ เกิดวันที่10 มี.ค. ค.ศ.1934 ที่เมืองทาคาโอกะ จังหวัด โทยาม่า เช่นกัน
เขาทั้ง2ได้พบกันครั้งแรกเมื่อครั้งยังศึกษาอยู่ในชั้นป.5 ที่โรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง และจากนั้นทั้ง2ก็เริ่มที่จะวาดการ์ตูนด้วยกัน และยังคงทำด้วยกันต่อไปในระดับมัธยมปลาย และทั้งคู่ได้ออกผลงานเรื่องแรกในชีวิต คือ นางฟ้าทามะจัง (Tenshi-no Tamachan)

   ในปี1952 ฮิโรชิได้เข้าไปทำงานในโรงงานลูกกวาด ส่วนอะบิโคะก็เข้าไปทำงานในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น แต่ภายหลังเนื่องจากฮิโรชิได้รับอุบัติเหตุระหว่างทำงาน จึงลาออกจากงานประจำและตัดสินใจเขียนการ์ตูนอย่างจริงจังอยู่ที่บ้าน โดยมีอะบิโคะคอยมาช่วยเหลืออยู่ตลอดหลังจากเวลาว่างหลังเลิกงาน ในปี 1953 ทั้งคู่ก็ได้มีผลงานการ์ตูนพ็อกเก็ตบุ๊คเล่มแรกในนามปากการ่วมกันว่า "อาชิซึกะ ฟูจิโอะ" เรื่อง สงครามโลกครั้งสุดท้าย (Utopia: The Last World War)ในปี1954 ได้จัดตั้ง'The Shin Manga-to' ร่วมกับนักเขียนการ์ตูนท่านอื่นๆรวมถึง  ฟูจิโอะ อาคาซึกะ รวมถึง โซทาโร่ อิชิโมริ และ ทั้ง2ก็ทำงานร่วมกันโดยใช้นามปากการ่วมกันว่า ฟูจิโอะ ฟูจิโกะต่อมาพวกเขาก็เริ่มผลิตหนังการ์ตูนอนิเมชั่น โดยการจัดตั้งสตูดิโอที่ชื่อ'The Studio-zero' ในปี 1963. ในปีถัดมา ฟูจิโอะ ฟูจิโกะ ประสบความสำเร็จกับหนังสือการ์ตูนเรื่อง ผีน้อยคิวทาโร่ (Obake-no Qtaro)ที่ลงในนิตยสาร โชเน็น ซันเดย์ และต่อมาก็ได้เป็นการ์ตูนอนิเมชั่นในเวลาต่อมา

   หลังจากนั้น ทั้ง2ก็เริ่มสร้างผลงานที่เป็นที่ชื่นชอบของเด็กๆ เป็นที่รู้จักของหลายๆคน โดยมีพื้นฐานมาจากชีวิตประจำวันของเด็กๆเหล่านั้น เขาทั้ง2ได้รับรางวัลเกียรติยศจากผลงานของตัวเองหลายๆเรื่อง อาทิ เช่น นินจาฮาโตริ เจ้าชายปีศาจ(ไคบุทสึ) ปาร์แมน Umeboshi-denka, Mataro-ga-kuru Professional Golfer Saru และ โดราเอม่อน ซึ่งขายได้มากกว่า 7500000 เล่ม และเป็นงานขายดีมากด้วย

   ปลายปี 1987, ทั้ง2ก็ได้แยกทางกัน เพื่อที่จะทำงานเป็นของตัวเอง โดย อาบิโกะใช้ภายใต้ชื่อว่า ฟูจิโอะ ฟูจิโกะ A และ ส่วน ฟูจิโมโตะ ใช้ภายใต้ชื่อว่า ฟูจิโอะ F ฟูจิโกะ  

  ฟูจิโมโตะ ก็ถึงแก่กรรมในเดือน กันยายน ปี1996 ซึ่งการจากไปของอ.ฟูจิโกะ ก็สร้างความเสียใจให้กับ แฟนๆการ์ตูนทั่วโลกไม่น้อยเลยทีเดียว

ผลงาน

  ทำงานร่วมกันในฐานะ Fujio Fujiko
  • ผีน้อยคิวทาโร่
  Fujio F Fujiko


Read more: http://www.kartoon-discovery.com/history/fujio.html#ixzz3N6NJ6QhI

วันพุธที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ประวัติวันคริสต์มาส


  • ตำนานวันคริสต์มาส

         คำว่า "คริสต์มาส" เป็นคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษว่า Christmas มาจากคำภาษาอังกฤษโบราณว่า Christes Maesse ที่แปลว่า "บูชามิสซาของพระคริสตเจ้า" ซึ่งพบครั้งแรกในเอกสารโบราณที่เป็นภาษาอังกฤษในปี ค.ศ. 1038 และในปัจจุบันคำนี้ก็ได้เปลี่ยนมาเป็นคำว่า Christmas

          เทศกาล Christmas หรือ X’Mas ตรงกับวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี ซึ่งวันที่ 25 ธันวาคมนั้นเป็นวันประสูติของพระเยซู ศาสดาแห่งศาสนาคริสต์ โดยพระองค์ประสูติที่เมืองเบ็ธเลเฮ็มและเติบโตที่เมืองนาซาเรท ซึ่งปัจจุบันคือประเทศอิสราเอล ตามหลักฐานในพระคัมภีร์ได้บันทึกไว้ว่า พระเยซูเจ้าประสูติในสมัยที่จักรพรรดิซีซาร์ ออกุสตุส แห่งจักรวรรดิโรมัน ซึ่งทรงสั่งให้จดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งแผ่นดิน โดยฝ่ายคีรีนิอัส เจ้าเมืองซีเรียก็รับนโยบายไปปฏิบัติให้มีการจดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งอาณาเขต แต่ในพระคัมภีร์ ไม่ได้ระบุว่า พระเยซูประสูติวันหรือเดือนอะไร

           ด้านนักประวัติศาสตร์ก็มีความเห็นที่ต่างออกไปโดยได้วิเคราะห์ว่า เดิมทีวันที่ 25 ธันวาคม เป็นวันที่จักรพรรดิเอาเรเลียนแห่งโรมัน กำหนดให้เป็นวันฉลองวันเกิดของสุริยะเทพ ตั้งแต่ปี ค.ศ.274 ชาวโรมันซึ่งส่วนใหญ่นับถือเทพเจ้าฉลองวันนี้เสมือนว่า เป็นวันฉลองของพระจักรพรรดิไปในตัวด้วย เพราะจักรพรรดิก็เปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ ที่ให้ความสว่างแก่ชีวิตมนุษย์ แต่ชาวคริสต์ที่อยู่ในจักรวรรดิโรมัน รวมถึงชาวโรมันที่เปลี่ยนไปนับถือคริสต์อึดอัดใจที่จะฉลองวันเกิดของสุริยเทพ จึงหันมาฉลองการบังเกิดของพระเยซูซึ่งเปรียบเสมือนความสว่างของโลก และเหมือนดวงจันทร์เป็นความสว่างในตอนกลางคืนแทน หลังจากที่ชาวคริสต์ถูกควบคุมเสรีภาพทางศาสนาตั้งแต่ปี ค.ศ. 64-313 จนถึงวันที่ 25 ธันวาคม ปี ค.ศ.330 ชาวคริสต์จึงเริ่มฉลองคริสต์มาสอย่างเป็นทางการและเปิดเผย

          เทศกาลคริสต์มาสจึงเป็นวันแห่งการเฉลิมฉลองวันประสูติของพระเยซู และเป็นการฉลองความรักที่พระเจ้ามีต่อมนุษย์โลก โดยส่งบุตรชาย คือ "พระเยซู" ลงมาเกิดเป็นมนุษย์เพื่อช่วยไถ่บาป และช่วยให้มนุษย์รอดพ้นจากการทำชั่วนั่นเอง ดังนั้นในวันนี้ถือเป็นวันที่มีความหมายสำคัญชาวคริสต์ทั่วโลก และมีการส่งบัตรอวยพร ให้ของขวัญ แก่กันและกัน รวมทั้งประดับประดาตกแต่งบ้านเรือนด้วยแสงไฟ และต้นคริสต์มาสอย่างสวยงาม





  • ซานตาครอส


เป็นสิ่งแรกๆ ที่คนจะนึกถึงในฐานะสัญลักษณ์ของวันคริสต์มาส ซึ่งว่ากันว่าซานตาคลอสคนแรก คือ นักบุญ (เซนต์) นิโคลัส ผู้เป็นสังฆราชแห่งเมืองไมรา มีชีวิตอยู่ในศตวรรษที่ 4 และเหตุที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นซานตาครอสคนแรก มาจากวันหนึ่งที่ท่านปีนขึ้นไปบนหลังคาบ้านของเด็กหญิงยากจนคนหนึ่ง แล้วทิ้งถุงเงินลงไปทางปล่องไฟ บังเอิญถุงเงินหล่นไปทางถุงเท้าที่เด็กหญิงแขวนตากไว้ข้างเตาผิงพอดี

          นักบุญนิโคลัส นั้นเป็นนักบุญที่ชาวฮอลแลนด์นับถือว่าเป็นนักบุญผู้อุปถัมภ์ของเด็กๆ เมื่อชาวฮอลแลนด์กลุ่มหนึ่งอพยพไปอยู่ในสหรัฐฯ ก็ยังรักษาประเพณีการฉลองนักบุญ นิโคลัส ในวันที่ 5 ธันวาคม เอาไว้ ซึ่งหมายถึงนักบุญนี้จะมาเยี่ยมเด็กๆ และเอาของขวัญมาให้เด็กอื่นๆ ที่ไม่ใช่ลูกหลานของชาวฮอลแลนด์ที่อพยพมา ประเพณีนี้จึงเริ่มเป็นที่รู้จักและแพร่หลายในอเมริกา โดยมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง คือ ชื่อนักบุญนิโคลัสก็เปลี่ยนเป็น ซานตาคลอส และแทนที่จะเป็นสังฆราชก็กลายเป็นชายแก่ที่อ้วนและใส่ชุดสีแดง อาศัยอยู่ที่ขั้วโลกเหนือ มีเลื่อนเป็นยานพาหนะที่มีกวางเรนเดียร์ลาก และจะมาเยี่ยมเด็กทุกคนในโลกนี้ในโอกาสคริสต์มาส โดยลงมาทางปล่องไฟของบ้านเพื่อเอาของขวัญมาให้เด็กเหล่านั้นตามความประพฤติของเขา


          ถึงแม้ซานตาคลอสจะเป็นเพียงตำนานที่เกิดขึ้นมาเพื่อเฉลิมฉลองวันคริสต์มาสก็ตาม แต่ก็เป็นสัญลักษณ์ที่รวมเอาวิญญาณและความหมายของคริสต์มาสไว้อย่างมากมาย อาทิ ความปิติยินดีชื่นชม ความโอบอ้อมอารี ความรัก และความเป็นกันเอง







  • ถุงเท้า


จากที่นักบุญนิโคลัสได้ปีนขึ้นไปบนปล่องไฟของบ้านเด็กหญิงยากจน เพื่อที่จะมอบเหรียญเงินให้เป็นของขวัญ แต่เหรียญนั้นกลับตกไปอยู่ในถุงเท้าที่เด็กหญิงแขวนตากไว้หน้าเตาผิง พอรุ่งเช้าเด็กหญิงตื่นมาเจอเหรียญเงินในถุงเท้าจึงดีใจมาก และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการที่ผู้คนมากมายต่างพากันแขวนถุงเท้าคริสต์มาสไว้ เพื่อหวังจะได้รับของขวัญเช่นเดียวกันบ้าง



  • สีที่เกี่ยวข้องในสันคริสต์มาสประกอบด้วย
          สีแดง : เป็นสีของผลฮอลลี่ หรือซานตาครอส เป็นสีของเดือนธันวาคม ที่แสดงถึงความตื่นเต้น และหากเป็นสัญลักษณ์ตามศาสนา สีแดงจะหมายถึง ไฟ, เลือด และความโอบอ้อมอารี

          สีเขียว : เป็นสีของต้นไม้ สัญลักษณ์ของธรรมชาตื หมายถึงความอ่อนเยาว์และความหวังที่จะมีชีวิตเป็นนิรันดร์ เปรียบได้กับว่าเทศกาลคริสต์มาสคือเทศกาลแห่งความหวัง

          สีขาว : เป็นสีของหิมะ และเป็นสัญลักษณ์ทางศาสนา คือแสงสว่าง ความบริสุทธิ์ ความสุข และความรุ่งเรือง สีขาวนี้จะปรากฎบนเสื้อคลุมนางฟ้า, เคราและชายเสื้อของซานตาครอส

          สีทอง : เป็นสีของเทียนและดวงดาว เป็นสัญลักษณ์ของแสงอาทิตย์และความสว่างไสว








ที่มา
http://hilight.kapook.com/view/18771

ตำนานกวางเรนเดียร์ของซานตาคลอส

กวางเรนเดียร์ของซานตาคลอส เป็นทีมกวางที่ช่วยลากเลื่อนพาซานต้าไปแจกของขวัญให้เด็กๆ ชื่อของกวางปรากฏในบทเพลงคริสต์มาสและบทกวี “A Visit from St.Nicholas” โดยมีจำนวนกวางทั้งหมด 9 ตัวด้วยกันคะ ได้แก่ แดสเชอร์ แดนเซอร์ แพรนเซอร์ วิกเซ่น โคเม็ต คิวปิด ดันเดอร์ และ บลิกเซ่ม (ภายหลังมีการเปลี่ยนชื่อ ดันเดอร์ เป็น ดอนเดอร์ และท้ายสุดเป็น ดอนเนอร์ ส่วน บลิกเซ่ม เปลี่ยนเป็น บลิตเซ่น) เพื่อนๆ อาจจะนับได้เพียง 8 ตัวใช่ไหมหล่ะ ตัวที่ 9 มันมีทีเด็ดตรงนี้คะ ^^
ที่มา
http://teen.mthai.com/variety/84985.html

ต้นคริสต์มาส ในวัฒนธรรมของชาวคริสต์ หมายถึง ต้นไม้ในสวนสวรรค์ ซึ่งอาดัมและเอวาไปหยิบผลไม้มากิน และทำบาป ไม่เชื่อฟังพระเจ้า (ปฐก.3:1-6) 6) ตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 ชาวคริสต์แสดงละครที่ หน้าวัด ถึงความหมายของคริสต์มาส และเอาต้นไม้ต้นหนึ่งไว้ตรงกลาง เพื่อประดับฉาก แสดงถึงบาปกำเนิดของอาดัมและเอวา ต้นไม้ที่ใช้เป็นต้นสน (มิใช่พรรณไม้ชื่อคริสต์มาส) เนื่องจากเป็นต้นไม้ ที่หาง่ายที่สุด ในประเทศ เหล่านั้น การแสดงละครคริสต์มาสแบบนี้ มีมาเป็นเวลาช้านานหลายร้อยปี จนถึงศตวรรษที่ 15 พระสังฆราชหลายแห่งได้ห้ามแสดง เนื่องจากการแสดงนั้น กลายเป็นการเล่นเหมือนลิเก ล้อชาวบ้าน ผู้ปกครองบ้านเมือง และศาสนา ซึ่งไม่ตรงกับบรรยากาศของการฉลอง ชาวบ้านรู้สึกเสียดาย ที่ไม่มีโอกาส ดูละครสนุกๆ แบบนั้นอีก จึงไปสนุกกันที่บ้านของตน โดยเอาต้นไม้มาไว้ที่บ้าน หลังจากนั้น ก็เริ่มมีการแขวนลูกแอปเปิ้ล ขนมและของขวัญอย่างที่เห็นอยู่ ทุกวันนี้ นอกจากนั้น ชาวเยอรมันยังมีประเพณีอีกอย่างหนึ่งคือ มีการจุดเทียนหลายเล่มเป็นรูปปิรามิด ไว้ตลอดคืนคริสต์มาส โดยมีดาวของดาวิดที่ยอดปิรามิด ซึ่งประเพณีที่จะแขวนของขวัญและขนม ก็ได้รวมกับประเพณีของชาวเยอรมนี้ มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 โดยเอาเทียนมาไว้ที่ต้นไม้ เป็นรูปทรงปิรามิด นี่เป็นที่มาของประเพณีปัจจุบัน ที่มีการแขวนของขวัญ และไฟกะพริบไว้ที่ต้นคริสต์มาส และมีดาวของดาวิดไว้ที่สุดยอด ประเพณีนี้ เป็นที่นิยมชมชอบของชาวตะวันตกอยู่มาก แม้ว่าประเพณีการตั้งต้นคริสต์มาส มีความเป็นมาดังกล่าว ชาวคริสต์ในสมัยนี้ ก็ยังนิยมทำกันอยู่ เพราะเห็นว่า มีความหมายถึงพระเยซู ผู้เปรียบเสมือนต้นไม้แห่งชีวิต (ปฐก.2:9) ที่เขียวสดเสมอในทุกฤดูกาล ซึ่งหมายถึง นิรันดรภาพของพระเยซูเจ้า และนอกจากนั้นยังหมายถึง ความสว่างของพระองค์ เสมือนแสงเทียนที่ส่องในความมืด ทั้งยังหมายถึง ความชื่นชมยินดี และความสามัคคี ที่พระเยซูเจ้าประทานให้ เพราะต้นไม้นั้น เป็นจุดรวมของครอบครัวในเทศกาลนั้น
ที่มา
http://th.wikipedia.org.