วันพฤหัสบดีที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2558

ประวัติของคุณหญิงจันและคุณหญิงมุก

ท้าวเทพกระษัตรีและท้าวศรีสุนทร

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
อนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร
ตราประจำจังหวัดภูเก็ต (พ.ศ. 2528- ปัจจุบัน) แสดงภาพอนุสาวรีย์ของท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร
ท้าวเทพกระษัตรี(เกิดประมาณปี2278 หรือ 2280 -ตายปีประมาณปี 2336) ท้าวศรีสุนทร(ไม่ทราบ) [1]เป็นวีรสตรีไทย[2]ที่ป้องกันเมืองถลางให้พ้นจากข้าศึกได้ในสงครามเก้าทัพ สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ท้าวเทพกระษัตรี มีชื่อเดิมว่า "ท่านผู้หญิงจัน" ท้าวศรีสุนทร เป็นน้องมีชื่อเดิมว่า "คุณมุก" ทั้งสองเป็นบุตรีของจอมรั้งเจ้าเมืองถลาง [3]

ประวัติ[แก้]

คุณจัน เป็นบุตรีคนแรกของจอมร้างบ้านเคียน[4] ซึ่งเกิดจากนางหม้าเสี้ย มีพี่น้องร่วมบิดา มารดาเดียวกัน 5 คน เมื่ออายุสมควรจะมีเรือน บิดามารดาก็ได้จัดการแต่งงานให้กับหม่อมภักดีภูธร (สามีคนแรก) มีธิดา 1 คน คือแม่ปราง และบุตร 1 คน คือนายเทียน (ต้นสกุล ประทีป ณ ถลาง) หลังจากคลอดนายเทียน หม่อมภักดีภูธรเสียชีวิตลง คุณจันอยู่เป็นหม้ายจนกระทั่งแต่งงานครั้งที่สองกับพระยาพิมลอัยา (ขัน) ภายหลังเป็นพระยาสุรินทราชาพิมลอัยา (ขัน) มีบุตรธิดาอีก 2 คน คุณจันเป็นผู้ประกอบด้วยความงาม มีอัธยาศัยสุภาพอ่อนโยน และมีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวสมกับเป็นบุตรของจอมร้างบ้านเคียน จึงเป็นที่สนิทเสน่าหาของบิดามารดาและวงศ์ญาติทั้งหลาย เมื่อบิดามารดาแก่เฒ่า คุณจันก็ได้รับภาระปกครองผู้คนบ่าวไพร่ และดูแลการงานภายในครอบครัวแทนบิดามารดาโดยสิทธิ์ขาดเพราะเป็นพี่คนโต
คุณมุก เป็นบุตรคนที่ 2 ของจอมร้างบ้านเคียน ซึ่งเกิดจากนางหม้าเสี้ย มีกิริยาสุภาพอ่อนโยน ทั้งมีสติปัญญาและความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวไม่ย่อหย่อนกว่าคุณจันผู้พี่ เป็นที่สนิทเสน่หาของบิดามารดา และวงศ์ญาติเช่นกัน แต่งงานกับพระอาจฯ ท่านมุกไม่มีบุตรสืบตระกูล [5]
เมื่อจอมร้างบ้านเคียนถึงแก่กรรมลง พระถลางอาดบุตรชายและน้องชายท่านผู้หญิงจันได้ครองเมืองถลาง ครองได้ไม่นานก็ถูกผู้ร้ายยิงตาย หลังสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีปราบก๊กพระยานครได้ประมาณ 7 ปี จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระยาสุรินทราชาพิมลอัยา (ขัน) เป็นเจ้าเมืองถลาง ท่านผู้หญิงจันเป็นแม่เมืองปกครองเมืองถลางด้วยความสงบสุขสืบมา ครั้นเมื่อพระยาสุรินทราชาพิมลอัยา (ขัน) เจ้าเมืองถลางถึงแก่อนิจกรรม กองทหารจากเมืองหลวงที่ยึดค่ายปากพระได้เข้าเกาะตัวจับกุมท่านผู้หญิงจันเป็นเชลยศึกไปที่ค่ายปากพระ ในข้อกล่าวหาอ้างว่าสามีเป็นหนี้แผ่นดิน
ส่วนแผ่นดินพม่ามีพระเจ้าปดุงครองราชสมบัติใต้ฟ้าแผ่นดินอังวะ ลุปี พ.ศ. 2328 พม่าได้เตรียมกองทัพใหญ่ด้วยพระประสงค์ที่จะขยายอาณาเขต ด้วยกองทัพที่ยิ่งใหญ่แกร่งกล้าในการรบสามารถปราบรามัญ ไทใหญ่ มณีปุระ ยะไข่ รวบรวมไพร่พลได้ถึง 144,000 คน จัดเป็นทัพใหญ่หมายโจมตีสยามประเทศ เป็นที่รู้จักกันดีในนามสงครามเก้าทัพ พม่ายกทัพเข้าบุกตีค่ายปากพระ ซึ่งทหารของรัชกาลที่ 1 เป็นผู้บัญชาการค่าย พญาพิพิธโภไคยหนีไปเมืองพังงา ท่านผู้หญิงจันในขณะนั้นยังถือว่าเป็นเชลยศึก ได้หนีข้ามช่องปากพระ เข้ามายังเมืองถลาง ผ่านบ้านไม้ขาว บ้านสาคู และบ้านเคียน อันเป็นที่ตั้งเมืองถลาง
แม่ทัพใหญ่ยี่หวุ่นคุมกำลัง 3,000 คน เข้าตีหัวเมืองทางชายฝั่งทะเลตะวันตก ตั้งแต่เมืองกระ ตะกั่วป่า ตะกั่วทุ่ง ค่ายปากพระ โดยมีเป้าหมายสุดท้ายที่เมืองถลางขุมคลังของสยาม ข่าวทัพเรือพม่าบุกโจมตี กอปรกับเจ้าเมืองถลางเสียชีวิตเป็นข่าวร้ายที่ทำร้ายจิตใจชาวเมืองถลางให้อยู่ในความหวาดกลัว ไม่มีที่พึ่งหมดหวัง แต่พลังใจทั้งมวลกลับตั้งมั่นด้วยจิตใจที่เข็มแข็งของท่านผู้หญิงจันและคุณมุกน้องสาว โดยได้นำกำลังจากบ้านสาคู บ้านในยาง บ้านดอน บ้านไม้ขาว บ้านแขนน บ้านลิพอน บ้านเหรียงมาเตรียมการรบ ณ ค่ายข้างวัดพระนางสร้าง ฝ่ายพม่ายกทัพเข้ามาเร่งก่อสร้างค่ายบริเวณทุ่งนา (โคกชนะพม่า) เพื่อเตรียมโจมตีเมืองถลาง ส่วนท่านผู้หญิงจัน คุณมุกและคณะกรมการเมืองวางแผนตั้งค่ายประชิดค่ายข้าศึก เตรียมปืนใหญ่ตรึงไว้ดึงเวลาได้หลายวันเป็นผลให้เสบียงอาหารของพม่าลดน้อยลง และวางแผนให้กลุ่มผู้หญิงแต่งตัวคล้ายทหารไทย เอาไม้ทองหลางเคลือบดีบุกมาถือแทนอาวุธ ทำทียกขบวนเข้าเมืองถลางในช่วงดึกลวงพม่าว่าเมืองถลางมีกำลังมาเสริมทุกคืน ทำให้พม่าคาดการณ์กองกำลังเมืองถลางผิดพลาด การศึกครั้งนี้กินเวลายาวนานถึง 1 เดือนเศษ กำลังพม่าทั้งอ่อนล้าและขาดเสบียงอาหาร เมื่อพม่าตั้งพลเข้าโจมตีถูกฝ่ายเมืองถลางระดมยิงปืนเล็กปืนใหญ่ นำเอาดินประสิวไปโปรยในกองทัพพม่ายิงคบเพลิงเข้าไปผสมตามยุทธวิธีพระพิรุณสังหาร ครั้นเมื่อชาวเมืองถลางยิงปืนใหญ่แม่นางกลางเมืองถูกต้นทองหลางหน้าค่ายพม่าหักลง กองทัพพม่าระส่ำระสายเสียขวัญ และแตกทัพไปเมื่อวันจันทร์ เดือน 4 แรม 14 ค่ำ ปีมะเส็ง สัปตศก จุลศักราช 1147 ตรงกับวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2328 เป็นวันถลางชนะศึก [6] [7]
เมื่อความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมบำเหน็จผู้ทำคุณแก่แผ่นดิน ให้ท่านผู้หญิงจันเป็น ท้าวเทพกษัตรี คุณมุกน้องสาวเป็น ท้าวศรีสุนทร ดำรงยศอันมีศักดิ์แก่ฐานานุรูป เป็นศรีแก่เมืองถลาง และวงศ์ตระกูลสืบไป [8]

นามสกุลที่เป็นเชื้อสาย[แก้]

ข้อมูลยังไม่ชัด

อนุสาวรีย์[แก้]

อนุสาวรีย์ของทั้งสองท่านตั้งอยู่ที่วงเวียนสี่แยกท่าเรือ ตำบลศรีสุนทร อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2509 [9] จากหลักฐานสำคัญในจดหมายเหตุเมืองถลาง 6 ฉบับ เพื่อเป็นการเสริมและสนองพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวในคราวเสด็จเปิดถนนสายถลาง ที่ได้พระราชทานนามว่า ถนนเทพกระษัตรี และได้มีการตั้งชื่อตำบลในภูเก็ต 2 ตำบลตามท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร คือตำบลเทพกระษัตรี และตำบลศรีสุนทรโดยจะมีการจัดงานรำลึกถึงท่านทุกปี [10] [11]
คำจารึก ที่อนุสาวรีย์ฯ [12] โดย กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์
เมืองถลาง ปางพม่าล้อม ลุยรัณ
รอดเพราะคุณหญิงจัน รับสู้
ผัวพญาผิวอาสัญ เสียก่อน ก็ดี
เหลือแต่หญิงยังกู้ เกียรติไว้ชัยเฉลิม
เริ่มรบรุกตลบต้าน โจมตี
ทั้งสกัดตัดเสบียงที ดักด้าว
พม่าอดหมดพลังหนี จากเกาะ กเจิงแฮ
กลศึกแพ้แม่ท้าว ไม่ท้อโถมหนอ
ข้อความที่แท่นฐานทิศเหนือ ด้านหน้าอนุสาวรีย์
ท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร(จัน) (มุก)
ได้กระทำการป้องกันรักษาเมืองถลางไว้เป็นสามารถ
เมื่อปีมะเส็ง พ.ศ. 2328
มิให้ข้าศึกตีหักเอาเมืองได้
เป็นวีรกรรมอันควรแก่ชนชาวเมืองถลาง
ตลอดจนชาวไทยทั่วกันยกย่องสรรเสริญ
จึงสร้างอนุสาวรีย์ให้ไว้เป็นอนุสรณ์
เมื่อ พ.ศ. 2509
ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2553 ทางจังหวัดภูเก็ตจัดผู้ชนะการประกวดออกแบบอนุสรณ์สถานถลางชนะศึก [13] (ประดิษฐานอนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร) บนพื้นที่ 96 ไร่ เพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงคุณงามความดี และเรื่องราวประวัติศาสตร์ของเมืองถลาง ตลอดจนวีรกรรมของท้าวเทพกระษัตรี-ท้าวศรีสุนทร[14] โครงการน่าจะเริ่มต้นราวกลางปี 2553 นี้ [15]

ชื่อท้าวเทพกระษัตรี[แก้]

อนึ่ง ชื่อท้าวเทพกระษัตรีหลายคนเข้าใจว่า หมายถึงกษัตริย์ที่เป็นผู้หญิง แต่ความหมายจริงของชื่อนี้นั้น มีความหมายว่าผู้หญิงธรรมดาเท่านั้นเอง[16]


ท้าวเทพกระษัตรี และท้าวศรีสุนทร 
  

อนุสรณ์สถานถลางชนะศึก (วัดม่วง) [อ่านประวัติ ท้าวเทพกษัตรีย์ ท้าวศรีสุนทรโดยละเอียด

งานท้าวเทพกษัตรีย์ ท้าวศรีสุนทร ตรงกับวันที่ 13 มีนาคม ของทุกปี (วันถลางชนะศึก) เป็นการเทิดทูนเกียรติ และรำลึกถึงคุณงามความดี ของสองวีรสตรี ที่ท่านสามารถ ปกป้อง เมืองถลางให้รอดพ้นจากข้าศึก (พม่า) ในสมัยสงครามเก้าทัพ นอกจากนี้ ยังเป็นการฟื้นฟู แหล่งประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็น อนุสรณ์สถานถลางชนะศึก (วัดม่วง) โคกชนะพม่า หรือ วัดพระนางสร้าง ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่ทรงคุณค่า เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว เชิงประวัติศาสตร์ของ จังหวัดภูเก็ต ให้เป็นที่รู้จัก ของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติอีกด้วย

การเตรียมงานบวงสรวง ปู่ย่า ตายาย บรรพชน ผู้กล้าเมืองถลาง
  

ตามประวัติศาสตร์ กล่าวไว้ว่า ท้าวเทพกระษัตรี และท้าวศรีสุนทร เป็นธิดาของ จอมร้างบ้านตะเคียน (ขุนนางผู้ปกครองเมืองถลาง) มารดาชื่อหม่าเสี้ย เป็นเชื้อสายเจ้าเมืองไทรบุรี คุณจันเกิดที่ บ้านตะเคียน เมืองถลาง ประมาณปี พ.ศ. 2278 ปลายกรุงศรีอยุธยา ในรัชกาล พระเจ้าบรมโกศ มีพี่น้องร่วมบิดามารดา 5 คน คือคุณจัน คุณมุก คุณหม่า (หญิง) คุณอาด (ชาย) และคุณเรือง (ชาย) 

  
ส่วนหนึ่ง ของข้าวของ ที่ใช้ใน พิธีบวงสรวงฯ
ทั้งสองท่าน ได้รับการเลี้ยงดู เพื่อรับภาระอันหนักยิ่งของตระกูล ทั้งการควบคุมไพร่พลขุดหาดีบุก การแสวงหาเครื่องอุปโภคบริโภค สำหรับไพร่พลจำนวนมาก การหาตลาดจำหน่ายดีบุก การแสวงหาอาวุธ เพื่อป้องกันภัยจากพม่าและโจรสลัด หรือการรักษาสถานภาพของตระกูล จากการฉกฉวยแย่งชิงของศูนย์อำนาจภายนอก ดังนั้น จึงมีคุณสมบัติ ความเป็นผู้นำ สูงเป็นอย่างยิ่ง 
  
สองวีรสตรี ประดิษฐาน ภายในวัดม่วง

สำหรับชีวิตครอบครัวนั้น คุณจันแต่งงานกับ หม่อมศรีภักดี บุตร จอมนายกอง เมืองตะกั่วทุ่ง มีบุตรธิดาด้วยกัน 2 คน คือ คุณปราง และ คุณเทียน เมื่อหม่อมศรีภักดีถึงแก่กรรม คุณจันจึงตกพุ่มหม้าย ต่อมาเมื่อ พระกระบุรี (ขัน) ได้รับยศเป็นพระยาพิมล เจ้าเมืองถลาง จึงได้มาแต่งงานกับคุณจัน มีบุตรธิดาด้วยกัน 5 คน คือ แม่ทอง พ่อจุ้ย พ่อเนียม แม่กิ่ม และแม่เมือง ครั้งเมื่อพระยาพิมล ได้ไปเป็น เจ้าเมืองพัทลุง คุณหญิงจันก็ยังคงอยู่ที่เมืองถลาง ภายหลังกลับมาเป็น เจ้าเมืองถลาง ถึงกลับมาอยู่กับคุณหญิงจันอีก
พระยาพิมลถึงแก่อนิจกรรม ในปี พ.ศ. 2328 เป็นระยะเดียวกับที่ พม่า ยกกองทัพ มาตีเมืองถลาง หรือที่เรียกว่า สงครามเก้าทัพ ซึ่งตรงกับ พ.ศ. 2328 ในรัชสมัยรัชกาลที่ 1 โดยพระเจ้าปดุง กษัตริย์พม่าในสมัยนั้น ได้สั่งให้ยกกองทัพมาถึงเก้าทัพ ในบรรดาเก้าทัพ มีทัพหนึ่งยกมาทางใต้ มีแม่ทัพยี่วุ่นเป็นผู้นำทัพ เมื่อตีเมืองตะกั่วป่าตะกั่วทุ่งได้แล้ว ก็มุ่งตีเมือง ถลาง ทันที

ขณะนั้น พระยาพิมลเจ้าเมืองถลาง สามีของคุณหญิงจัน เพิ่งถึงแก่ อนิจกรรมไม่นาน จึงไม่มีใครบัญชาการรบ คุณหญิงจัน และ นางมุก น้องสาว ได้เป็นผู้นำในการป้องกันเมือง โดยคุณหญิงจันได้รวบรวม ผู้คนรวม ทั้งอาวุธปืนน้อยใหญ เข้าประจำค่าย และประชุมวางแผน ป้องกันเมือง กับบรรดานายกอง ซึ่งมีความเห็นต้องกันว่า ทัพเรือของพม่า จะต้องยกเข้ามาจอดยกพลขึ้นบกที่ ท่าตะเภา อันเป็นท่าเรือใหญ่ และใกล้เมืองถลางที่สุด 
โบสถ์เก่า วัดพระนางสร้าง สถานที่ประชุม วางแผนรับมือพม่า
  


ดังนั้น จึงได้แบ่งกองกำลังไปตั้งขัดตาทัพ อยู่ที่ หลังวัดพระนางสร้างยึดเอาวัด เป็นที่ตั้งฐานทัพ มีนายอาจ น้องชายคุณหญิงจัน เป็นแม่กองคุมพล ไทยแขกกับปืนใหญ่ แม่นางกลางเมือง หนึ่งกระบอก ไปประจำค่าย มีนายทองเพ็ง และกรมการเมือง เป็นผู้ช่วย นอกจากนี้ ได้มีการตั้งค่ายใหญ่ ที่นบนางดักหนึ่งค่าย มีนายทองพูน เป็นแม่กอง พร้อมปืนใหญ่ พระพิรุณสังหาร ประจำค่าย หนึ่งกระบอก เมื่อการตั้งขัดตาทัพพม่าพร้อมแล้ว ก็ตั้งกองสอดแนมลาดตระเวน ตามยุทธวิธีสงคราม โดยคุณหญิงจัน เป็นผู้บัญชาการรบ คุณมุก เป็นผู้ช่วย ตรวจตราทั้งสองค่าย ศึกหนักทางไหน จะได้ช่วยทางนั้น 

เมื่อพม่ายกมาถึงช่องแคบ เข้าจอดเรือที่ท่าตะเภา ยกพลขึ้น ตั้งค่ายใหญ่ที่ริมทะเล ที่ปากช่องค่ายแล้ว ก็ขยับขึ้นมาตั้งค่าย ที่โคกพม่า 1 ค่าย ที่บ้านนากลาง 1 ค่าย ล้อมเมืองไว้ แล้วแต่งตั้ง นายทัพนายกอง นำกำลังพลมายั่วชาวเมือง ทำทีว่าจะเข้าตีค่าย ของนายทองพูน-นายทองเพ็ง 
ความลงตัว ระหว่างสังคมเมือง และชนบท
  
ฝ่ายกองทัพไทยมีพลน้อย ไม่สามารถออกโจมตีข้าศึกโดยซึ่งหน้า คุณหญิงจัน และ คุณมุก จึงปรึกษาหารือกับกรมการเมืองว่า ควรจะคิดอุบายให้พม่า ถอยทัพ กลับไปโดยเร็วให้จงได้ จึงสั่งให้คัดเลือก ผู้หญิงวัยกลางคน ประมาณ 500 คน มาแต่งตัวอย่างผู้ชาย เอาไม้ทองหลาง เคลือบดีบุก ถือต่างอาวุธ เพื่อลวงข้าศึก จัดขบวนทำที่ จะยกเข้าตีทัพพม่า

เมื่อพม่าเห็นทัพไทยยกออกมา จะเข้าตีค่ายของตน ก็จัดขบวนออกประชุมพล อยู่หน้าค่าย ตรงต้นทองหลางน้ำ มีกิริยาอาการจะตีโต้ตอบ คุณหญิงจัน ก็สั่งให้ นายทองพูนผู้น้อง จุดปืนใหญ่พิรุณสังหาร ยิงตรงไปยังที่ชุมนุมพม่า กระสุนปืนใหญ่ ตัดเอากิ่งไม้ทองหลางน้ำ ขาดลงกลางชุมนุมของ พม่า ทางฝ่ายทัพไทยก็ตีฆ้องกลอง โห่ร้อง สำทับข่มขวัญ อย่างครื้นเครง ประหนึ่งจะยกออกโจมตี ฝ่ายพม่าเห็นเป็นอัศจรรย์ ก็ขวัญเสีย จึงรีบถอยทัพกลับเข้าค่าย 
  
ทุ่งนาบริเวณ บ้านดอน - บ้านค่าย ยังมีให้เห็น

เมืองถลางทำทีจัดขบวนลาดตระเวน ประชุมพลถ่ายเทคนเข้าออก เป็นประจำทุกวัน แต่ให้พม่าเห็นแต่เวลาเข้า เป็นการลวงให้พม่า เห็นว่า ทัพไทยมีกำลังเพิ่มเติมเข้ามาเสมอ พม่าไม่กล้าเข้าโจมตี เป็นการหน่วงเหนี่ยวไว้ ให้ขาดเสบียงอาหาร อีกทั้ง ยังมีการจัด กองกำลังออกรังควาญพวกพม่า ที่ออกลาดตระเวน หาเสบียงอาหาร บาดเจ็บล้มตายเป็นประจำทุกวัน 

เมื่อไม่เห็นช่องทาง ที่จะตีเอาเมืองถลางให้แตกได้ กอปรกับขาด เสบียงอาหาร และเกิดความปั่นป่วนขึ้นในกองทัพ รวมไปถึง ความอ่อนล้า จากการทำสงคราม และการเดินทาง (ระยะเวลาประมาณ 4 เดือน นับแต่ยกกองทัพออกมาจากเมืองมะริด) นอกจากนี้ ตลอดเวลา 1 เดือน ที่ล้อมเมืองถลางไว้ พม่า ยังสูญเสีย กำลังคนไปอีก ประมาณ 300-400 คน จึงยกกองทัพ กลับพม่าไป เมื่อวันจันทร์ขึ้น 14 ค่ำ เดือน 4 ปีมะเส็ง ตรงกับวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2328 
ร. 1 โปรดเกล้าให้ คุณหญิงจัน เป็น ท้าวเทพกระษัตรี นางมุก เป็น ท้าวศรีสุนทร
  
วีรกรรมครั้งนั้นทำให้รัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าให้ คุณหญิงจัน เป็น ท้าวเทพกระษัตรี นางมุก เป็น ท้าวศรีสุนทร และ ต่อมา พระยาทุกขราช (เทียน) ได้รับแต่งตั้ง ให้เป็นพระยาเพชรคีรีพิชัยสงคราม พระยาถลางใน พ.ศ. 2331 นอกจากนี้ในภายหลัง ทางการได้ตั้งนาม สถานที่ตั้งเมืองถลาง เมื่อครั้งศึกพม่าว่า ตำบลเทพกระษัตรี และรวมตำบลท่าเรือ กับตำบลลิพอน ตั้งเป็นตำบลชื่อว่า ตำบลศรีสุนทร สำหรับบั้นปลายชีวิตมีผู้กล่าวว่า ทั้งสองวีรสตรี พักอาศัยอยู่กับ พระยาเพชรคีรีพิชัยสงคราม พระยาถลาง (ต้นตระกูล ประทีป ณ ถลาง) จนเข้าสู่วัยชราภาพ และถึงแก่อสัญกรรมโดยสงบ
อนุสาวรีย์ ท้าวเทพกระษัตรี และท้าวศรีสุนทร
  

ต่อมาประชาชนชาวภูเก็ต โดยการนำของนายอ้วน สุระกุล ผู้ว่าราชการ จังหวัดภูเก็ต ในสมัยนั้น ได้ร่วมใจกันสร้าง อนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร เมื่อวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2509 โดยอนุสาวรีย์ ตั้งอยู่กลางวงเวียน บนถนนเทพกระษัตรี อำเภอถลาง (บ้านท่าเรือ) เป็นอนุสาวรีย์ยืนลอยตัว มีฐานยกสูงประมาณ 10 เมตร จารึกใน ศิลาฤกษ์ไว้ว่า "ท้าวเทพกระษัตรี (จัน) ท้าวศรีสุนทร ( มุก) ได้กระทำการป้องกันเมืองไว้เป็นสามารถ มิให้พม่าข้าศึก ซึ่งยกมาประชิดเมืองถลาง เมื่อ พ.ศ. ๒๓๒๘ ตีหักเอาเมืองได้ พม่าแตกทัพกลับไปเมื่อ ๒ ฯ ๑๔ ๔ ปีมะเส็ง สัปตกศก จ.ศ. ๑๑๔๗ เป็นวีรกรรมอันควรแก่ชาวเมืองถลาง ตลอดจนชาวไทยทั่วไป ยกย่องสรรเสริญ..." 
คำจารึก ที่อนุสาวรีย์ฯ
  

เมืองถลาง ปางพม่าล้อมลุยรัณ
รอดเพราะคุณหญิงจันรับสู้
ผัวพญาผิวอาสัญเสียก่อน ก็ดี
เหลือแต่หญิงยังกู้เกียรติไว้ชัยเฉลิม
เริ่มรบรุกตลบต้านโจมตี
ทั้งสกัดตัดเสบียงทีดักด้้าว
พม่าอดหมดพลังหนีจากเกาะ กเจิงแฮ
กลศึกแพ้แม่ท้าวไม่ท้อโถมหนอ
กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์


1 ความคิดเห็น: