▌1. ป้อมโงเรียวกาคุ (Fort Goryokaku), เมือง Hakodate

Photo by elminium from flickr.com/photos/lumen850/5458050013/ [CC by 2.0]
เวลาเปิดทำการ
เปิดให้บริการทุกวัน เดือนเมษายน – เดือนตุลาคม เวลา 08.00 น.-19.00 น.
เดือนตุลาคม – เดือนเมษายน 09.00 น.-18.00 น.
ค่าเข้าชม
บริเวณสวนสาธารณะภายในป้อม เปิดให้เข้าชมฟรี
ที่ทำการอดีตรัฐบาล บริเวณใจกลางป้อม ผู้ใหญ่ 500 เยน นักศึกษาและผู้สูงอายุ 250 เยน เด็กเข้าชมฟรี
หอคอยโงเรียวกาคุ ผู้ใหญ่ 840 เยน นักเรียนและนักศึกษา 630 เยน เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีเข้าชมฟรี
▌2. จุดชมวิวภูเขาฮาโกดาเตะ (Mount Hakodate), เมือง Hakodate

Photo by Jow from flickr.com/photos/128817170@N08/15711794480/ [CC by-nd 2.0]
เวลาทำการ
เปิดให้บริการทุกวัน ปลายเดือนเมษายน – เดือนตุลาคม เวลา 10.00 น.-22.00 น.
ปลายเดือนตุลาคม – เดือนเมษายน เวลา 10.00 น.-21.00 น.
ค่าเข้าชม
ไม่เสียค่าเข้าชม แต่หากขึ้นไปบนจุดชมวิวด้วยเคเบิ้ลคาร์ มีค่าบริการ คือ ผู้ใหญ่ 1,280 เยน และเด็ก 640 เยน
▌3. ริมคลองโอตารุ (Otaru Canal Area), เมือง Otaru

Photo by Lionel Leong from flickr.com/photos/lionel-arts/26407081655/ [CC by-sa 2.0]
เวลาทำการ
เปิดให้บริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง และไม่เสียค่าเข้าชมแต่อย่างใด
▌4. ทุ่งดอกไม้ ฟูราโน่ (Furano Flower Field), เมือง Furano

Photo by pika1935 from flickr.com/photos/93256705@N05/28531761175 [CC by 2.0]
จุดชมดอกลาเวนเดอร์ที่ดีที่สุดคือ ฟาร์มโทมิตะ(Farm Tomita) ซึ่งมีวิวทิวทัศที่สวยงามจากฉากหลังเป็นภูเขาโทกะชิ(Tokachi mountain) ซึ่งเปิดให้เข้าชมฟรีอย่างอิสระ ใกล้ๆกับทุ่งดอกไม้ยังมีร้านกาแฟ ร้านค้าจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากลาเวนเดอร์อีกด้วย
เวลาทำการ
เปิดให้บริการทุกวัน และไม่มีค่าบริการในการเข้าชม โดยมีช่วงระยะเวลาที่แตกต่างกัน ประมาณ 09.00-17.00
▌5. ลานสกีฟูราโน่ (Furano Ski Area), เมือง Furano

Photo by Lionel Leong from flickr.com/photos/lionel-arts/25797617134/ [CC by-sa 2.0]
เวลาทำการ
เปิดให้บริการเวลา 08.30 น. – 20.00 น. เฉพาะในช่วงฤดูหนาว
ค่าบริการเข้าชม
3 ชั่วโมง 4,000 เยน หากเหมาทั้งวัน ราคา 5,500 เยน ช่วงเวลาตั้งแต่ 17.00 – 21.00 น. 1,600 เยน (มีค่าเช่าอุปกรณ์อีกต่างหาก)
▌6. ล่องเรือชมธารน้ำแข็งอะบาชิริ (Abashiri Drift Ice), เมือง Abashiri

photo by 221.20 (talk) From commons.wikimedia.org/wiki/File:AuroraII02.JPG( cc by public domain )
ธารน้ำแข็งอะบาชิริ เป็นความพิเศษของฮอกไกโดที่ควรมาชมและสัมผัสสักครั้งในชีวิต หากเดินทางมาในช่วงเดือนมกราคม – เดือนมีนาคม เพราะโดยทั่วไปแล้ว ธารน้ำแข็งมักจะเกิดขึ้นบริเวณมหาสมุทรอาร์กติกเท่านั้น แต่จะดูแต่ธารน้ำแข็งเพียงอย่างเดียวก็คงไม่สนุก ต้องลองนั่งเรือตัดน้ำแข็งเพื่อชมทัศนียภาพรอบ ๆ ด้วย เหตุที่เรียกว่าเรือตัดน้ำแข็งก็เพราะว่า เมื่อเรือชนเข้ากับแผ่นน้ำแข็ง น้ำแข็งก็แยกตัวออกไปเพื่อให้เรือสามารถเดินทางต่อไปได้นั่นเอง โดยเรือจะมีให้บริการ 4-5 รอบต่อวัน ซึ่งหากใครอยากจะไปล่องเรือชมธารน้ำแข็งที่น่าตื่นตาตื่นใจก็ต้องตรวจสอบเวลาให้ดีก่อนด้วย
เวลาทำการ
เริ่มตั้งแต่ 09.00 – 15.30 น.
ค่าบริการเข้าชม
จะเป็นค่าโดยสารเรือ โดยจะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 540 เยน/คน
▌7. หุบเขานรกจิโงคุดานิ (Jigokudani noboribetsu) เมือง Noboribetsu

Photo by Kentaro Ohno from flickr.com/photos/inucara/22986787855/ [CC by 2.0]
▌8. บ่อน้ำร้อนโนโบริเบทสึ (Noboribetsu Onsen), เมือง Noboribetsu

Source: Noboribetsu Onsen Dai-ichi Takimotokan from agoda.com/th-th/noboribetsu-onsen-dai-ichi-takimotokan/hotel/noboribetsu-jp.html
บ่อน้ำร้อนโนโบริเบทสึ ถูกเรียกว่าเป็นบ่อน้ำร้อน (ออนเซ็น) ที่ดีที่สุดในประเทศญี่ปุ่น เพราะมีบ่อน้ำร้อนที่มีความแตกต่างกันถึง 9 ชนิด (บางแห่งก็ว่า 11 ชนิด) แบ่งไปตามแร่ธาตุชนิดต่าง ๆ เช่น บ่อน้ำพุร้อนกำมะถัน บ่อน้ำพุร้อนเกลือ บ่อน้ำพุร้อนโซเดียมไบคาร์บอเนต เป็นต้น เมื่อมาถึงบริเวณนี้แล้วต้องการแช่บ่อน้ำพุร้อน ก็สามารถเลือกบ่อได้ตามต้องการโดยติดต่อกับทางโรงแรมที่ให้บริการบ่อน้ำพุร้อนนั้น ๆ ซึ่งจะมีค่าบริการตั้งแต่ 700-2,500 เยนขึ้นไป (หากพักค้างคืนก็จะมีราคาที่สูงขึ้นกว่าเดิม)
เวลาทำการ
ส่วนมากบ่อน้ำพุร้อนต่าง ๆ มักจะเปิดให้บริการตั้งแต่ 7.00 น. เป็นต้นไป และปิดไม่เกิน 21.00 น. แต่อาจจะมีบางที่ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
▌9. สระอะโออิเคะ (Aoiike Blue Pond), เมือง Biei

Photo by Tetsuji Sakakibara from flickr.com/photos/tetsuji0105/22038116161/ [CC by-sa 2.0]
เวลาทำการ
เปิดให้เข้าชมได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ค่าเข้าชม
ไม่เสียค่าบริการในการเข้าชม
▌10. สวนสัตว์อะซาฮิยาม่า (Asahiyama Zoo), เมือง Asahiyama

Photo by MIKI Yoshihito from flickr.com/photos/mujitra/12150605414/ [CC by 2.0]
เวลาทำการ
เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 10.30 น. – 15.30 น. (อาจมีบางช่วงที่เปิดถึง 17.00)
ค่าเข้าชม
820 เยน
▌11. โจซังเคออนเซ็น (Jozankei Onsen), เมือง Sapporo

Photo by MIKI Yoshihito from flickr.com/photos/mujitra/8346369496 [CC by 2.0]
▌12. โรงงานช็อคโกแล็ต (Shiroi Koibito), เมือง Sapporo

Photo by Lionel Leong from flickr.com/photos/lionel-arts/26380528716/ [CC by-sa 2.0]
เวลาทำการ
เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 09.00 น. – 18.00 น.
ค่าเข้าชม
600 เยน
▌13. Sapporo TV Tower, เมือง Sapporo

หอสูง Sapporo TV
ซัปโปโรทีวีทาวเวอร์ เป็นหอส่งสัญญาณโทรทัศน์ในเมืองซัปโปโร ที่มีความสูงถึง 142.7 เมตร อยู่บริเวณทิศตะวันออกของสวนสาธารณะโอโดริ ความพิเศษที่ทำให้นักท่องเที่ยวต้องมาเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้ ก็คือการที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปชมวิวบริเวณความสูงจากพื้นดิน 90 เมตร และมีงานเทศกาลจัดอยู่รอบ ๆ ตลอดทั้งปี
เวลาทำการ
วันพฤหัสบดี – วันอังคาร เวลา 09.00 น. – 22.00 น.
ค่าบริการ
ผู้ใหญ่ 720 เยน นักเรียนนักศึกษา 300 – 600 เยน เด็กเล็ก 100 เยน
▌14. จุดชมวิว Mount Moiwa, เมือง Sapporo

Photo from Official Hokkaido Tourism
ภูเขาโมอิวะ เป็นภูเขาที่ตั้งอยู่บริเวณทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองซัปโปโร บริเวณภูเขาโมอิวะเป็นจุดชมวิวเมืองในยามค่ำคืน (เริ่มดูได้เมื่อพระอาทิตย์ตกดินแล้ว) แต่การจะขึ้นไปจนถึงยอดได้นั้น จะต้องนั่งกระเช้าไปก่อน แล้วนั่งเคเบิ้ลคาร์อีกครั้ง จึงจะถึงยอดเขาสำหรับการชมวิว และที่ไม่ควรพลาดเลยก็คือการทานอาหารที่ ร้าน “The Jewel” ที่นอกจากอาหารจะอร่อยแล้ว ยังได้ชมวิวเมืองซัปโปโรแบบสุดลูกหูลูกตา
เวลาทำการ
เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 10.30 น. – 22.00 น.
ค่าเข้าชม
ไม่เสียค่าเข้าชม แต่เสียค่ากระเช้า และเคเบิ้ลคาร์ 1,700 เยน
▌15. Niseko ski resort, เมือง Niseko

photo by wakimasa From commons.wikimedia.org/wiki/File:Niseko_Mt.Resort_Grand_Hirafu.JPG ( cc by public domain )
เมืองนิเซโกะ เป็นเมืองในฮอกไกโดที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาอยู่อาศัยและมาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก เพราะเมืองนี้เป็นเมืองที่เหมาะสมกับการเล่นสกีมากที่สุด เนื่องจากมีปุยหิมะที่นุ่ม ถึงจะล้มก็ไม่เจ็บ ภายในเมืองมีการใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก และมีบ่อน้ำร้อนที่สามารถใส่เสื้อผ้าลงแช่ได้ ภายในลานสกี มีรีสอร์ทสำหรับเข้าพักและให้เช่าอุปกรณ์การเล่นสกีถึง 4 ที่ โดยค่าเช่าอุปกรณ์นั้น อยู่ที่ราคาตั้งแต่ 3,000 – 8,000 เยน
▌16. Sapporo Beer Museum, เมือง Sapporo

Photo by Thomas Au from commons.wikimedia.org/wiki/File:麦とホップを製すれば_(4456936863).jpg [CC by-sa 2.0]
เวลาทำการ
เปิดให้บริการวันอังคาร – วันอาทิตย์ เวลา 11.30 น. – 20.00 น.
ค่าเข้าชม
ไม่เสียค่าเข้าชมใด ๆ ทั้งสิ้น

photos by 663highland from commons.wikimedia.org/wiki/File:Lake_Akan_Kushiro_Hokkaido_Japan03s3.jpg(cc by 3.0)
เป็นแอ่งทะเลสาบที่เกิดจากภูเขาไฟในพื้นที่อุทยานแห่งชาติอะกัง มีความยาวเส้นรอบวง 26 กิโลเมตรที่ล้อมรอบด้วยป่าทึบ และยังเป็นแหล่งกำเนิดของสาหร่ายมาริโมะ(marimo) ซึ่งเป็นสาหร่ายลูกบอลสีเขียวที่หาพบได้ยาก
การเดินทาง: ทะเลสาบอะกังตั้งอยู่ทางทิศเหนือของ Kushiro ไปประมาณ 75 กิโลเมตร มีรถบัสบริการ 3-4 เที่ยวต่อวัน ระหว่างสนามบิน Kushiro Airport และทะเลสาบ
หรือเช่ารถยนต์ ใช้เวลา 90 นาที เดินทางถึงทะเลสาบอะกัง และใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงไปยังทะเลสาบอื่นๆในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ เช่นทะเลสาบมาซู ทะเลสาบคุชชะโระ และคาวายุออนเซ็น
หรือเช่ารถยนต์ ใช้เวลา 90 นาที เดินทางถึงทะเลสาบอะกัง และใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงไปยังทะเลสาบอื่นๆในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ เช่นทะเลสาบมาซู ทะเลสาบคุชชะโระ และคาวายุออนเซ็น

Photo by Kyosuke Nakamura from flickr.com/photos/kyosuke/33434629/ [CC by-sa 2.0]
photos by shirokazan from flickr.com/photos/shirokazan/3016047392( cc by 2.0 )
เป็นภูมิภาคที่สำคัญและภาคภูมิใจของชาวญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี 2005 ที่ฮอกไกโดได้ถูกบันถึงให้เป็นมรดกโลก และยังเป็นแหล่งธรรมชาติที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า เช่น แมวน้ำ หมี นกอินทรี หมาป่า และอื่นๆอีกมากมาย
การเดินทาง: จาก Bus Terminal เดินไปประมาณ 650 เมตรจะถึงอาคารจำหน่ายตั๋วฝั่งซ้ายมือ แล้วเดินลอดอุโมงค์ไปยังท่าเรืออีก 200 เมตร
เรือชมคาบสมุทรชิเรโทโกะออกจากอูโทโร่(Utoro) ท่าเรืออยู่หลังหินโอรอนโคอิวะ(Oronkoiwa Rock) ใกล้กับใจกลางเมือง
เรือชมคาบสมุทรชิเรโทโกะออกจากอูโทโร่(Utoro) ท่าเรืออยู่หลังหินโอรอนโคอิวะ(Oronkoiwa Rock) ใกล้กับใจกลางเมือง
ร้านอร่อยแห่งซัปโปโร
TATSUMURA TONKATSU RESTAURANT (たづむら)
หลังจากนั่งเครื่องบินกว่า 6 ชั่วโมงครึ่งจากกรุงเทพฯ มาลงที่สนามบิน New Chitose จุดหมายปลายทางแรกของการ ทัวร์ฮอกไกโด แน่นอนว่าส่วนใหญ่ก็คงจะเป็นเมืองซัปโปโร ซึ่งที่นี่มีร้าน อาหารขึ้นชื่อ ฮอกไกโด ตั้งอยู่บนชั้น 8 ภายในห้างไดมารูค่ะ อย่างร้านนี้ที่ชื่อว่า Tatsumaru Tonkatsu ซึ่งมีเมนูซิกเนเจอร์เป็น หมูทอดทงคัตสึ ชิ้นใหญ่ที่เสิร์ฟมาเป็นชุดพร้อมข้าวสวยญี่ปุ่นร้อนๆ และทีเด็ดของที่นี่ก็คือซอสทงคัตสึที่เค้าจะให้เราบดงาด้วยตัวเอง อยากใส่มากใส่น้อยก็แล้วแต่ชอบเลยค่ะ เพราะฉะนั้นก้าวแรกที่เดินเข้าไปในร้านเนี่ย มันจะหอมกลิ่นงาคั่วมากๆ ส่วนรสชาติของอาหาร ที่นี่เค้าใช้หมูดำนำมาทอดให้กรอบนอกนุ่มใน ไม่อมน้ำมัน ทานกับซอสแล้วเข้ากันมากๆ ส่วนใครที่ไม่ชอบหมูที่นี่ก็มีของทอดเป็นอาหารทะเลต่างๆ ให้เลือกอีกด้วยนะคะ
เวลา เปิด-ปิด : 11.00-22.00 น. (ออเดอร์สุดท้ายเวลา 21.30 น.)
ราคาโดยประมาณ : 1,000 – 1,999 เยน
วิธีการเดินทาง : เดินตรงมาจากสถานีซัปโปโรประมาณ 5 นาที จะมองเห็นห้างไดมารู ร้านอาหารอยู่บนชั้น 8
แผนที่ :
ราคาโดยประมาณ : 1,000 – 1,999 เยน
วิธีการเดินทาง : เดินตรงมาจากสถานีซัปโปโรประมาณ 5 นาที จะมองเห็นห้างไดมารู ร้านอาหารอยู่บนชั้น 8
แผนที่ :
KITA NO GOURMET TEI (海鮮食堂 北のグルメ亭)
ร้านที่สองนี้ตั้งอยู่ภายในตลาดปลาที่มีชื่อว่า ตลาดซัปโปโร โจไก ค่ะ โดยอาหารขึ้นชื่อของที่นี่ก็คือ ไคเซ็นด้ง หรือข้าวหน้าปลาดิบที่เสิร์ฟมาชามใหญ่พอๆ กับหน้าเราเลยล่ะ ซึ่งภายในชามไคเซ็นด้งของที่นี่ก็จะประกอบไปด้วยอาหารทะเลหลายอย่างทั้งแซลมอน ทูน่า ปลาโอ ปลาหมึก กุ้งหวาน ไข่แซลมอน ไข่หอยเม่น หอยปีกนก ฯลฯ ที่สำคัญยังสดใหม่ทุกวัน เพราะแต่ละร้านเค้าจะคัดเลือกวัตถุดิบสดๆ ที่ส่งตรงถึงตลาดตั้งแต่เช้าตรู่ ดังนั้นรสชาติอาหารทะเลของที่นี่จึงสดหวานอร่อยกว่าที่อื่น นอกจากเมนูไคเซ็นด้งแล้วก็ยังมีซาซิมิด้วยนะคะ ทั้งทูน่า ทั้งมากุโร่ และจูโทโร่ ที่กินเข้าไปเพียงคำเดียวก็ต้องคีบเข้าปากซ้ำเรื่อยๆ เพราะปลาของที่นี่สดจนแทบละลายในปากเลยล่ะ มา ทัวร์ฮอกไกโด ต้องแวะที่นี่นะคะ
เวลา เปิด-ปิด : 07.00-15.00 น. (ออเดอร์สุดท้ายเวลา 14.30 น.)
ราคาโดยประมาณ : 2,000 – 2,999 เยน
วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟไปลงที่สถานี JR Soen หรือ Nijuyonken Subway แล้วเดินต่ออีก 10 นาที
แผนที่ :
ราคาโดยประมาณ : 2,000 – 2,999 เยน
วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟไปลงที่สถานี JR Soen หรือ Nijuyonken Subway แล้วเดินต่ออีก 10 นาที
แผนที่ :
ร้านอร่อยแห่งโอตารุ
MASAZUSHI (おたる政寿司 ぜん庵)
มาเที่ยวโอตารุต้องได้ไปทาน ร้าน อาหารขึ้นชื่อ ฮอกไกโด ที่ร้าน Masazushi เลยค่ะ ที่นี่เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นประเภท ซูชิ ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในโอตารุ ความพิเศษของที่นี่คือเค้าจะเสิร์ฟซูชิที่ใช้วัตถุดิบตามฤดูกาล ทำให้ลูกค้าได้ลิ้มลองรสชาติอาหารที่ดีที่สุดในฤดูกาลนั้นๆ และเมนูซิกเนเจอร์ของร้านที่ทุกโต๊ะต้องสั่งก็คือ Ika Somen หรือ ปลาหมึกแบบซาชิมิสไลด์บางๆ มาพร้อมกับไข่หอยเม่นและซอสไข่แบบพิเศษ เป็นจานที่เสิร์ฟเฉพาะในฤดูร้อนเท่านั้น โดยไข่หอยเม่นของที่นี่จะมาจากนอกชายฝั่ง Shakotan ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง เพื่อให้ลูกค้าสามารถลิ้มชิมรสอันสดใหม่ของไข่หอยเม่นได้อย่างเต็มที่
เวลา เปิด-ปิด : วันธรรมดา 11.00-15.00, 17.00-21.30 น. / วันเสาร์-อาทิตย์ 11.00-16.00, 17.00-21.30 น. ร้านหยุดทุกวันพุธ
ราคาโดยประมาณ : 3,000 – 5,999 เยน
วิธีการเดินทาง : Masazushi ตั้งอยู่ตรงข้ามคลอง Otaru อยู่ห่างจาก สถานี Otaru ประมาณ 15 นาที
แผนที่ :
ราคาโดยประมาณ : 3,000 – 5,999 เยน
วิธีการเดินทาง : Masazushi ตั้งอยู่ตรงข้ามคลอง Otaru อยู่ห่างจาก สถานี Otaru ประมาณ 15 นาที
แผนที่ :
ร้านอร่อยแห่งคาบสมุทรชาโคตัน
SHOKUDOU MISAKI (お食事処 みさき)
คาบสมุทรชาโคตันคือสถานที่ที่ ไข่หอยเม่น มีชื่อเสียงมากที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งหากใครที่เคยลิ้มลองไข่หอยเม่นมาก่อน และคิดว่ามันเหม็นคาวหรือไม่อร่อย แนะนำว่าให้มาลองไข่หอยเม่นของที่นี่เสียก่อน แล้วคุณจะลืมรสชาติเก่าๆ ที่เคยกินมาทันที โดยไข่หอยเม่นของที่นี่จะถูกจับขึ้นมาในช่วงฤดูร้อน ตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม และที่ร้าน SHOKUDOU MISAKI จะมีอาหารที่เป็นไฮไลท์ของร้าน นั่นคือ ไข่หอยเม่นสีเหลือง ที่เราพบเห็นโดยทั่วไป และ ไข่หอยเม่นสีแดง ที่หายาก ซึ่งมีรสหวานและรสชาติที่อร่อยกว่าหอยเม่นในแบบแรก
เวลา เปิด-ปิด : 09.45-16.00 น. (ออเดอร์สุดท้าย 15.45 น.) และปิดให้บริการทุกวันพุธในสัปดาห์ที่ 2 และ 4 ของเดือน โดยร้านจะเปิดให้บริการเฉพาะช่วงปลายเดือนเมษายนจนถึงสิ้นเดือนตุลาคมเท่านั้น ส่วนไข่หอยเม่นจะมีเสิร์ฟแค่ในช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม
ราคาโดยประมาณ : 2,000 – 4,999 เยน
วิธีการเดินทาง : จากเมืองโอตารุ วิธีเดียวที่จะไปเยือนคาบสมุทรชาโคตันก็คือการเช่ารถขับไปเอง โดยใช้เวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมงในแต่ละเที่ยว
แผนที่ :
ราคาโดยประมาณ : 2,000 – 4,999 เยน
วิธีการเดินทาง : จากเมืองโอตารุ วิธีเดียวที่จะไปเยือนคาบสมุทรชาโคตันก็คือการเช่ารถขับไปเอง โดยใช้เวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมงในแต่ละเที่ยว
แผนที่ :
ร้านอร่อยแห่งนิเซโกะ
NISEKO MILK KOBO PRATIVO (プラティーヴォ)
มากันที่ ร้าน อาหารขึ้นชื่อ ฮอกไกโด ในนิเซโกะกันบ้าง นิเซโกะได้ชื่อว่าเป็นสถานที่สำหรับเล่นสกีที่มีชื่อเสียงระดับโลก ซึ่งในช่วงหน้าหนาวร้านอาหารยอดนิยมของที่นี่ก็คือ NISEKO MILK KOBO ที่นักท่องเที่ยวมักจะเลือกให้เป็นสถานที่หลบความหนาวเย็น ด้วยเหตุผลเพราะที่นี่ได้คงไว้ซึ่งเสน่ห์ของความเป็นญี่ปุ่นอย่างเต็มเปี่ยม นอกจากนั้นอาหารที่นี่ยังมีรสชาติดีและราคาไม่แพงด้วยค่ะ โดยในช่วงกลางวันที่นี่จะเสิร์ฟ อาหารในสไตล์กึ่งบุฟเฟ่ต์แบบตะวันตก ที่ในเซ็ตจะประกอบด้วยอาหารจานหลักหนึ่งจาน และสามารถทานสลัดและของหวานที่บาร์บุฟเฟ่ต์ได้แบบไม่อั้น
ส่วนตอนกลางคืนก็มีดินเนอร์หรูๆ ให้ไปลิ้มรสอาหารตะวันตก พร้อมจิบไวน์ชั้นดี โดยมีทั้งแบบชุดที่ทางร้านจัดไว้ให้ตั้งแต่ออเดิร์ฟไปจนถึงของหวาน คิดราคาต่อคน และแบบ a la carte สั่งเป็นจานเดี่ยวๆ ก็ได้ค่ะ แต่ละเมนูของเค้าน่าทานมากๆ และที่สำคัญคือราคาไม่แพงเลย อร่อยคุ้มแน่นอนค่ะ
เวลา เปิด-ปิด : มื้อกลางวัน (ให้บริการทุกวัน) 11.30-15.30 น. (ออเดอร์สุดท้าย 14.30 น.) / มื้อค่ำ (หยุดให้บริการวันอังคารและพุธ) 17.30-21.30 น. (ออเดอร์สุดท้ายเวลา 20.00 น.)
ราคาโดยประมาณ : 1,000 – 3,500 เยน
วิธีการเดินทาง : Niseko Milk Kobo จะตั้งอยู่บนเส้นทางที่รถบัส Niseko United Shuttle Bus ขับผ่าน
แผนที่ :
ราคาโดยประมาณ : 1,000 – 3,500 เยน
วิธีการเดินทาง : Niseko Milk Kobo จะตั้งอยู่บนเส้นทางที่รถบัส Niseko United Shuttle Bus ขับผ่าน
แผนที่ :
ร้านอร่อยแห่งทะเลสาบโทยะ
SENDOAN ในโซนร้านค้า WAKASAIMO (仙堂庵 わかさいも本舗)
Sendoan ตั้งอยู่บนชั้น 2 ของร้านค้าหลัก Wakasaimo บนแนวชายฝั่งทางตอนใต้ของทะเลสาบโทยะ ซึ่งเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงในอาหารประเภท หอยโฮตาเตะ ที่ว่ากันว่าจะมีรสชาติดีที่สุดค่ะ โดยอาหารของที่นี่จะเสิร์ฟเป็นชุดใหญ่ ภายในชุดก็จะมีทั้งข้าวหน้าหอยโฮตาเตะสดๆ และซุปหอยรสเข้มข้น ส่วนใครที่ไม่ชอบกินอาหารประเภทของดิบๆ ที่นี่ก็มี อาหารญี่ปุ่น ชนิดอื่นๆ อย่างเช่น ข้าวแกงกะหรี่หมูทอด เทมปุระ ราเมน ฯลฯ บริการเช่นเดียวกันค่ะ แต่ถ้าจะให้ดีแนะนำว่าควรลองชิมหอยโฮตาเตะสดๆ ของที่นี่ดูสักครั้ง แล้วคุณจะติดใจอย่างแน่นอน
เวลา เปิด-ปิด : 11.00-19.00 น. (ออเดอร์สุดท้ายเวลา 18.30 น.)
ราคาโดยประมาณ : 1,000 – 1,999 เยน
วิธีการเดินทาง : วิธีที่ดีที่สุดสำหรับการไปทะเลสาบโทยะก็คือการเช่ารถขับ โดยใช้เวลาเดินทางจากซัปโปโรประมาณ 2.30 ชั่วโมง หรืออีกวิธีก็คือนั่งรถบัส Donan Bus เพื่อไปยัง Lake Toya Onsen Town จากเมืองซัปโปโรและสถานี Toya stations แต่รถบัสของที่นี่จะไม่ได้มีให้บริการอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้นควรเช็คตารางเวลาให้ดีค่ะ
แผนที่ :
ราคาโดยประมาณ : 1,000 – 1,999 เยน
วิธีการเดินทาง : วิธีที่ดีที่สุดสำหรับการไปทะเลสาบโทยะก็คือการเช่ารถขับ โดยใช้เวลาเดินทางจากซัปโปโรประมาณ 2.30 ชั่วโมง หรืออีกวิธีก็คือนั่งรถบัส Donan Bus เพื่อไปยัง Lake Toya Onsen Town จากเมืองซัปโปโรและสถานี Toya stations แต่รถบัสของที่นี่จะไม่ได้มีให้บริการอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้นควรเช็คตารางเวลาให้ดีค่ะ
แผนที่ :
ร้านอร่อยแห่งอุทยานแห่งชาติโอนุมะ
NUMA NO YA (沼の家)
มาแนะนำร้านขนมญี่ปุ่นกันบ้าง หากคุณกำลังนั่งรถไฟเพื่อมุ่งหน้าไปยังเมืองฮาโกดาเตะ และพอจะมีเวลาสักหน่อย อยากให้แวะพักที่สถานีรถไฟ Onuma Koen สักครู่ เพราะที่ข้างๆ สถานีมีร้านขนมของฝากชื่อดัง ที่ชื่อว่า NUMA NO YA ซึ่งของอร่อยของร้านนี่ก็คือ ดังโงะแบบกล่อง ที่ภายในจะถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน คือ ครึ่งหนึ่งเป็น Mitarashi Dango หรือดังโงะราดซอสญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม และอีกครึ่งจะเป็นดังโงะเคลือบรสชาติต่างๆ มีให้เลือกทั้งงาดำ และถั่วแดงค่ะ
เวลา เปิด-ปิด : 08.30-18.00 น. หรือจนกว่าจะขายหมด
ราคาโดยประมาณ : กล่องเล็ก 370 เยน, กล่องใหญ่ 620 เยน
วิธีการเดินทาง : ร้าน NUMA NO YA จะตั้งอยู่บนถนนฝั่งตรงข้ามสถานีรถไฟ Onumakoen Station
แผนที่ :
ราคาโดยประมาณ : กล่องเล็ก 370 เยน, กล่องใหญ่ 620 เยน
วิธีการเดินทาง : ร้าน NUMA NO YA จะตั้งอยู่บนถนนฝั่งตรงข้ามสถานีรถไฟ Onumakoen Station
แผนที่ :
ร้านอร่อยแห่งฮาโกดาเตะ
HAKODATE MORNING MARKET
จุดที่ดีที่สุดสำหรับการ ทัวร์ฮอกไกโด หาอาหารอร่อยในฮาโกดาเดตะก็คือที่ตลาดเช้า Hakodate Morning Market นั่นเองค่ะ ซึ่งอาหารทะเลที่มีชื่อเสียงที่สุดของที่นี่ก็คือปลาหมึก โดยหลายๆ ร้านภายในตลาดเค้าจะมีอ่างน้ำขนาดใหญ่เพื่อให้เราตกปลาหมึกขึ้นมาเอง จากนั้นเค้าก็จะนำปลาหมึกที่เราจับได้ไปแล่บางๆ เพื่อทำซาซิมิให้ทานแบบสดๆ เลย และนอกจากจากปลาหมึกแล้ว อาหารอีกอย่างที่ต้องลองในตลาดเช้าแห่งนี้ก็คือ ปู โดยมีให้เลือกทั้งแบบย่าง นึ่ง หรือดิบๆ แบบซาซิมิด้วย ส่วนอาหารทะเลอื่นๆ ของที่นี่ที่น่าลองเช่นเดียวกัน ก็มีทั้งหอยเป๋าฮื้อ ไข่หอยเม่น เป็นต้น อ้อ.. ขนมและผลไม้ของที่นี่ก็ไม่ควรพลาดนะคะ
เวลา เปิด-ปิด : เดือนมกราคม-เมษายน 06.00-12.00 น. (บางร้านอาจเปิดจนถึง 14.00 น.) / เดือนพฤษภาคม-ธันวาคม 05.00-12.00 น. (บางร้านอาจเปิดถึง 15.00 น.)
ราคาโดยประมาณ : มีหลายระดับราคา
วิธีการเดินทาง : ตรงข้ามกับสถานีรถไฟ Hakodate
แผนที่ :
ราคาโดยประมาณ : มีหลายระดับราคา
วิธีการเดินทาง : ตรงข้ามกับสถานีรถไฟ Hakodate
แผนที่ :
LUCKY PIERROT (ラッキーピエロ)
สำหรับผู้ที่อยากลองเปลี่ยนจากอาหารญี่ปุ่น ลองมาที่ร้าน LUCKY PIERROT ดูค่ะ เพราะที่นี่จะให้บริการอาหารประเภท เบอร์เกอร์ ที่มีเฉพาะในฮาโกดาเตะเท่านั้น เพราะเบอร์เกอร์ของที่นี่จะเป็นเบอร์เกอร์หอยโฮตาเตะตัวใหญ่ รสชาตินุ่มลิ้นที่ถูกปากทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ยิ่งถ้าได้ทานคู่กับโซดาของทางร้านยิ่งอร่อยเข้ากันเป็นที่สุด นอกจากนี้ยังมีเมนูที่น่าสนใจอีกมากมาย ทั้งมันฝรั่งทอดหน้ากุ้ง หรือจะเมนูข้าวอย่างข้าวแกงกะหรี่ และข้าวห่อไข่ ก็มีนะคะ
เวลา เปิด-ปิด : 10.00-00.30 น.
วิธีการเดินทาง : ร้าน Lucky Pierrot มีถึง 16 สาขาทั่วฮาโกดาเตะ สาขาที่เดินทางสะดวกที่สุดและนักท่องเที่ยวนิยมไปมากที่สุดก็คือ สาขาที่อยู่ใกล้ๆ กับเอ้าท์เลท โดยเดินจากสถานีรถไฟ Hakodate เพียง 5 นาที
แผนที่ :
วิธีการเดินทาง : ร้าน Lucky Pierrot มีถึง 16 สาขาทั่วฮาโกดาเตะ สาขาที่เดินทางสะดวกที่สุดและนักท่องเที่ยวนิยมไปมากที่สุดก็คือ สาขาที่อยู่ใกล้ๆ กับเอ้าท์เลท โดยเดินจากสถานีรถไฟ Hakodate เพียง 5 นาที
แผนที่ :
ร้านอร่อยแห่งฟุราโนะ
KUMAGERA (くまげら)
Kumagera เป็นร้านอาหารที่มีชื่อเสียงซึ่งตั้งอยู่ภายในเมืองฟุราโนะ โดยเมนูชื่อดังของที่นี่ก็คือ หม้อไฟร้อนๆ ที่เต็มไปด้วยวัตถุดิบสดใหม่ ทั้งเนื้อวัว ไก่ เป็ด และอาหารทะเลที่เหมาะที่จะกินเพื่อให้ความอบอุ่นในช่วงหน้าหนาว หรือในวันที่อากาศเย็นๆ ส่วนอาหารชนิดอื่นๆ ที่น่าสนใจไม่แพ้กันก็คือ ซาซิมิเนื้อ ที่เสิร์ฟมาพร้อมกับข้าวสวยร้อนๆ และโชยุผสมกับวาซาบิ รวมไปถึงหอยนางรมนึ่งสาเกญี่ปุ่น จานนี้ก็เด็ดไม่แพ้กันค่ะ
เวลา เปิด-ปิด : 11.30-00.00 น.
ราคาโดยประมาณ : 1,000 – 2,999 เยน
วิธีการเดินทาง : เดินเพียง 3 นาทีจากสถานีรถไฟ Furano
แผนที่ :
ราคาโดยประมาณ : 1,000 – 2,999 เยน
วิธีการเดินทาง : เดินเพียง 3 นาทีจากสถานีรถไฟ Furano
แผนที่ :
ร้านอร่อยแห่งบิเอะ
FARM RESTAURANT CHIYODA (ファームレストラン千代田)
มาที่อีกหนึ่งร้าน อาหารขึ้นชื่อ ฮอกไกโด ในเมืองบิเอะ นั่นก็คือ FARM RESTAURANT CHIYODA ภายในฟาร์มจิโยดะ ที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวในช่วงฤดูร้อน โดยเมนูหลักของที่นี่จะเป็น เนื้อวัว เสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งจานที่มีชื่อเสียงมากที่สุดก็คือสตูว์เนื้อวัวรสชาติเข้มข้มและหอมเครื่องเทศแบบสุดๆ ส่วนอีกจานที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กันก็คือสเต๊กเนื้อบนจานร้อนนั่นเอง
เวลา เปิด-ปิด : เดือนมกราคม-มีนาคม 11.00-16.00 น. / เดือนเมษายน-ธันวาคม 11.00-20.00 น. ร้านวันที่ 31 ธันวาคม และ 1 มกราคม
ราคาโดยประมาณ : 3,000 – 3,999
วิธีการเดินทาง : การเดินทางที่สะดวกที่สุดคือการเช่ารถขับมาที่ฟาร์มค่ะ
แผนที่ :
ราคาโดยประมาณ : 3,000 – 3,999
วิธีการเดินทาง : การเดินทางที่สะดวกที่สุดคือการเช่ารถขับมาที่ฟาร์มค่ะ
แผนที่ :
ร้านอร่อยในโอบิฮิโระ
PANCHOU (ぱんちょう)
อาหารขึ้นชื่อ ฮอกไกโด ในเืองโอบิฮิโระ ที่ใครมาก็ต้องชิมให้ได้ก็คือ Buta Don หรือ ข้าวหน้าหมู นั่นเองค่ะ ซึ่งร้านแนะนำของที่นี่ก็คือ ร้าน PANCHOU ซึ่งในร้านมีเพียงเมนูเดียวก็คือ บูตะด้ง นี่แหละค่ะ ถึงแม้ว่าอาหารเมนูนี้จะมีให้ชิมแทบจะทุกเมืองทั่วฮอกไกโด แต่สิ่งที่ร้านนี้ภูมิใจนำเสนอนั่นก็คือ การเป็นร้านผู้บุกเบิกอาหารจานบูตะด้งแห่งแรกในเมืองโอบิฮิโระนั่นเอง โดยความพิเศษของบูตะด้งของร้านนี้ นั่นคือพวกเค้าจะไม่เลือกเฉพาะเนื้อเพียงส่วนใดส่วนหนึ่งมาขายเท่านั้น แต่พวกเค้าจะใช้แทบทุกส่วนในหมูตัวหนึ่งมาทำอาหาร ซึ่งก็จะมีขนาดที่แตกต่างกันไปด้วย ตรงนี้ลูกค้าสามารถสั่งได้ค่ะว่าอยากได้ขนาดเท่าไหน ซึ่งเนื้อหมูของเค้าทำออกมาได้ดีเลย เนื้อให้รสสัมผัสที่ชุ่มฉ่ำ เข้ากันได้ดีกับซอสรสหวานๆ และข้าวสวยที่เสิร์ฟให้อย่างไม่อั้น
เวลา เปิด-ปิด : 11.00-19.00 น. (หรือจนกว่าจะขายหมด เพราะฉะนั้นลูกค้าควรรีบไปตั้งแต่เนิ่นๆ ค่ะ เพราะอาหารของที่นี่จะขายหมดเร็วมาก) ร้านจะปิดทุกวันจันทร์ในสัปดาห์ที่ 1 และวันอังคารที่ 3 ของเดือน
ราคาโดยประมาณ : 1,000 – 1,999 เยน
วิธีการเดินทาง : เดิน 5 นาที จากสถานีรถไฟ Obihiro
แผนที่ :
ราคาโดยประมาณ : 1,000 – 1,999 เยน
วิธีการเดินทาง : เดิน 5 นาที จากสถานีรถไฟ Obihiro
แผนที่ :
ร้านอร่อยในคุชิโระ
WASHO MARKET (釧路和商市場)
Kushiro ตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันออกของเกาะฮอกไกโด ซึ่งง่ายต่อการเข้าถึงอาหารทะเลที่สดใหม่ ดังนั้นตลาด Kushiro Washo Market จึงดึงดูดนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากในแต่ละวัน ในการมาค้นหาอาหารทะเลสดๆ ทานในฮอกไกโด โดยเมนูที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในตลาดแห่งนี้ก็คือ คัตเตะด้ง หรือข้าวหน้าทะเลที่นักท่องเที่ยวสามารถคัดเลือกวัตถุดิบที่คุณต้องการลิ้มรสลงในชามข้าวได้ด้วยตัวเอง จากนั้นก็ให้แม่ค้านำสิ่งที่คุณต้องการมาจัดเรียงอย่างสวยงามลงในชามข้าว ปิดท้ายด้วยการราดโชยุลงไปอีกนิด และวางวาซาบิลงไปอีกหน่อย แค่นี้ก็พร้อมทานแล้วล่ะค่ะ